วิธีทำ SEO สายเทา เพิ่มอันดับเว็บไซต์ด้วยวิธีต่างๆ ข้อดี และข้อเสีย
สำหรับธุรกิจสายเทา มักต้องการดันอันดับเว็บไซต์ของตนให้อยู่บนสุดของหน้าผลการค้นหา การทำ SEO (Search Engine Optimization) เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ช่วยทำให้เว็บไซต์ของเรามีโอกาสติดอันดับสูงขึ้น แต่มีหลายรูปแบบในการทำ SEO ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ SEO สายขาว (White Hat SEO), SEO สายเทา (Gray Hat SEO) และ SEO สายดำ (Black Hat SEO)
สำหรับบทความนี้ เราจะมาพูดถึง การทำ SEO สายเทา ซึ่งเป็นการใช้เทคนิคที่อยู่กึ่งกลางระหว่างการทำตามกฎและการฝ่าฝืนกฎของ Google หลายคนมองว่าการทำ SEO สายเทานั้นช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับได้เร็วขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะโดนลงโทษได้เช่นกัน มาดูกันว่ามีเทคนิคใดบ้างที่เป็นที่นิยมในการทำ SEO สายเทา
1. Private Blog Networks (PBNs)
Private Blog Networks (PBNs) คือการสร้างเครือข่ายของบล็อกส่วนตัวหลายๆ บล็อกที่เราควบคุมเอง เพื่อทำลิงก์กลับ (Backlink) ไปยังเว็บไซต์หลักของเรา แนวคิดนี้คือการสร้าง “ลิงก์คุณภาพ” ที่เสมือนว่าได้มาจากเว็บไซต์ที่มีความเกี่ยวข้องและน่าเชื่อถือ แต่จริงๆ แล้วเราควบคุมเครือข่ายบล็อกเหล่านั้นทั้งหมด
วิธีการทำงาน
เราจะสร้างหรือซื้อโดเมนหลายๆ โดเมนและสร้างบล็อกที่เชื่อมโยงถึงกัน โดยมีจุดประสงค์ในการทำลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์หลักของเรา ลิงก์เหล่านี้ช่วยให้ Google เห็นว่าเว็บไซต์ของเรามีลิงก์คุณภาพมาจากหลายแหล่ง ทำให้เกิดการปรับอันดับขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของ PBNs
- ข้อดี: PBNs ช่วยเพิ่มอันดับเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว หากจัดการเครือข่ายดีๆ Google อาจไม่สามารถตรวจพบได้
- ข้อเสีย: การใช้ PBN มีความเสี่ยงสูงที่จะถูก Google ตรวจพบและลงโทษ ซึ่งอาจทำให้เว็บไซต์ของคุณถูกลดอันดับหรือลบออกจากหน้าผลการค้นหา
2. Expired Domains
การใช้ Expired Domains หรือโดเมนที่หมดอายุเป็นอีกหนึ่งเทคนิคของ SEO สายเทา โดเมนเหล่านี้มักมีประวัติการใช้งานและมีลิงก์ที่เชื่อมโยงถึง ซึ่งการนำโดเมนเหล่านี้กลับมาใช้ใหม่ สามารถใช้ประโยชน์จากลิงก์ที่มีอยู่เดิมได้
วิธีการทำงาน
เมื่อเราได้โดเมนที่หมดอายุมาแล้ว เราสามารถนำโดเมนเหล่านั้นไปใช้ในการสร้างบล็อกหรือเว็บไซต์ใหม่ แล้วทำลิงก์กลับไปยังเว็บไซต์หลักของเรา โดยใช้ประโยชน์จากลิงก์ที่เคยมีอยู่เดิม
ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Expired Domains
- ข้อดี: Expired Domains ที่มีประวัติดีและมีลิงก์คุณภาพสูงสามารถช่วยให้เว็บไซต์ของเราได้รับความน่าเชื่อถือมากขึ้นจากการที่ลิงก์ย้อนกลับมายังเว็บไซต์เรา
- ข้อเสีย: ถ้าโดเมนที่หมดอายุนั้นเคยถูก Google ลงโทษมาก่อน ก็อาจทำให้เว็บไซต์ของเราถูกติดตามและได้รับผลกระทบไปด้วย
3. Cloaking
Cloaking คือการแสดงเนื้อหาที่แตกต่างกันระหว่างผู้ใช้จริงกับ search engine โดยเมื่อ search engine bot เข้ามาเก็บข้อมูล เราจะแสดงเนื้อหาหนึ่ง แต่เมื่อผู้ใช้งานปกติเข้ามาดู เราจะแสดงเนื้อหาอีกอย่างหนึ่ง
วิธีการทำงาน
การ Cloaking จะใช้เทคโนโลยีเพื่อจำแนกว่าใครคือ bot ของ search engine และใครคือผู้ใช้จริง จากนั้นจึงแสดงเนื้อหาที่เหมาะสมแก่แต่ละกลุ่มเพื่อดันอันดับใน search engine โดยที่ไม่ต้องให้ผู้ใช้ทั่วไปเห็นเนื้อหาที่เราต้องการซ่อน
ข้อดีและข้อเสียของ Cloaking
- ข้อดี: ช่วยให้สามารถปรับแต่งเนื้อหาสำหรับ search engine ได้ดีขึ้น ทำให้มีโอกาสติดอันดับได้ง่าย
- ข้อเสีย: การ Cloaking เป็นเทคนิคที่ Google ห้ามใช้โดยเด็ดขาด หากถูกตรวจพบ เว็บไซต์ของคุณจะถูกแบนทันที
4. Link Wheels
Link Wheels เป็นการสร้างโครงสร้างลิงก์ที่เชื่อมโยงกันระหว่างเว็บไซต์หลายแห่ง เพื่อช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับแต่ละเว็บไซต์ โดยการทำ Link Wheels จะทำให้เว็บไซต์ทุกแห่งที่เข้าร่วมในวงนี้ได้รับลิงก์คุณภาพจากกันและกัน
วิธีการทำงาน
เราจะสร้างเว็บไซต์หลายๆ เว็บไซต์ แล้วทำลิงก์ระหว่างเว็บไซต์เหล่านั้นในลักษณะของวงล้อ (เช่น เว็บไซต์ A ลิงก์ไปเว็บไซต์ B, เว็บไซต์ B ลิงก์ไปเว็บไซต์ C, เว็บไซต์ C ลิงก์กลับไปที่เว็บไซต์ A) วิธีนี้จะทำให้แต่ละเว็บไซต์ได้รับการส่งเสริมความแข็งแกร่งของลิงก์กันและกัน
ข้อดีและข้อเสียของการใช้ Link Wheels
- ข้อดี: ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับลิงก์ที่เราสร้าง ทำให้เว็บไซต์ทุกแห่งได้รับประโยชน์จากลิงก์ที่เชื่อมโยงกัน
- ข้อเสีย: การทำ Link Wheels ถ้าถูกค้นพบว่าเป็นการสร้างลิงก์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ อาจทำให้เว็บไซต์ถูกลงโทษ
5. Keyword Stuffing
Keyword Stuffing คือการใส่คำหลัก (Keywords) มากเกินไปในเนื้อหาหรือ Meta Tags เพื่อพยายามทำให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นใน search engine
วิธีการทำงาน
เราจะพยายามใส่คำหลักเข้าไปในทุกๆ จุดที่ทำได้ในเนื้อหาบนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นในหัวข้อ เนื้อหา หรือแม้แต่ Meta Tags ซึ่ง search engine จะมองเห็นว่าเว็บไซต์ของเรามีคำหลักที่เกี่ยวข้องเยอะและอาจจัดอันดับเว็บไซต์ของเราให้สูงขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของการทำ Keyword Stuffing
- ข้อดี: หาก search engine ยังไม่ได้อัปเดตอัลกอริทึม Keyword Stuffing อาจช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับสูงขึ้นได้ในระยะสั้น
- ข้อเสีย: การทำ Keyword Stuffing ในปัจจุบันถูกมองว่าเป็นการทำ SEO ที่ไม่เหมาะสม หาก Google ตรวจพบเว็บไซต์อาจถูกลดอันดับหรือถูกแบนจากผลการค้นหา
6. Rich Snippet Manipulation
Rich Snippet Manipulation คือการปรับแต่ง rich snippets หรือข้อมูลที่แสดงบนผลการค้นหา เพื่อทำให้เว็บไซต์ของเราดูมีคุณภาพสูงกว่าที่เป็นจริง
วิธีการทำงาน
เราจะใช้การปรับแต่งข้อมูลที่ปรากฏใน rich snippets เช่น การใส่คะแนนรีวิวที่เกินจริง หรือใส่ข้อมูลที่ทำให้เว็บไซต์ของเราดูดีกว่าความเป็นจริง โดยหวังให้ผู้ใช้คลิกเข้ามาที่เว็บไซต์ของเรา
ข้อดีและข้อเสียของการปรับแต่ง Rich Snippets
- ข้อดี: ทำให้เว็บไซต์ของเราดูโดดเด่นและน่าคลิกมากขึ้นบนหน้าผลการค้นหา
- ข้อเสีย: หากข้อมูลใน rich snippets ไม่สอดคล้องกับเนื้อหาจริงในเว็บไซต์ อาจทำให้ผู้ใช้งานไม่พอใจและ bounce rate สูงขึ้น นอกจากนี้ Google อาจลงโทษหากพบว่ามีการปลอมแปลงข้อมูล
บทสรุป
การทำ SEO สายเทา เป็นการใช้เทคนิคที่อยู่กึ่งกลางระหว่างความถูกต้องตามกฎและการละเมิดกฎของ Google หลายๆ เทคนิคที่กล่าวมาอาจช่วยเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว แต่ทุกเทคนิคก็มีความเสี่ยงที่อาจทำให้เว็บไซต์ถูกลงโทษได้
วิธีทำ SEO สายเทาแบบต่างๆ นั้นต้องอาศัยความระมัดระวังและความเข้าใจในระบบการทำงานของ search engine อย่างดี การใช้เทคนิคเหล่านี้อาจให้ผลดีในระยะสั้น แต่หากต้องการผลลัพธ์ที่ยั่งยืน เทคนิค SEO สายเทา ที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของ Google จะเป็นแนวทาง